วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563

สศก. เผย GDP เกษตรครึ่งปีแรก หดตัว 5.1% คาดทั้งปี 63 มีทิศทางดีขึ้น

นางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่เกิดขึ้น ได้กระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก ทั้งระบบห่วงโซ่การผลิตทั่วโลก ที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ทั่วโลกเกิดความกังวลเรื่องการขาดแคลนอาหาร เสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยฝืดเคือง แรงงานในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการในประเทศถูกเลิกจ้าง และปรับเปลี่ยนหันมาประกอบอาชีพทางการเกษตรเพื่อเป็นทางรอด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าว หากมองในทางกลับกัน ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตรวิถีใหม่ หรือ New Normal ที่ท้าทาย เพราะเป็นโอกาสของอาชีพเกษตรกรไทย  เนื่องจากรูปแบบการดำเนินชีวิตของประชาชนนั้นเปลี่ยนแปลงไป คำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยเพิ่มขึ้น จึงสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตร พัฒนาให้อาหารของไทยปลอดภัย เน้นจุดขายเรื่องอัตลักษณ์ด้านอาหารผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมท้องถิ่นและวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ (Fusion Food) ขยายช่องทางตลาดสินค้าเกษตรออนไลน์ (E-Commerce) พัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้มากขึ้น  อีกทั้งวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ยังเป็นโอกาสใหม่ในการทำเกษตรพันธะสัญญากับกลุ่มธุรกิจยาและเวชภัณฑ์ โดยส่งเสริมการผลิตและแปรรูปพืชสมุนไพร เพื่อพัฒนาต่อยอดจากพื้นฐานความพร้อมของเกษตรกร รองรับต่อความต้องการของตลาดโลกในอนาคตได้อีกด้วย


โอกาสในการพัฒนาภาคเกษตรจากสถานการณ์วิกฤตต่างๆ เป็นสิ่งที่ท้าทายและโอกาสสำคัญ แต่จะต้องมองถึงปัจจัยอย่างรอบด้าน ซึ่งหากพิจารณาถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ครึ่งแรกของปี2563 (มกราคม - มิถุนายน 63) พบว่า หดตัวอยู่ที่ร้อยละ 5.1   เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 เป็นผลมาจากสาขาพืช สาขาประมง และสาขาบริการทางการเกษตร หดตัวร้อยละ  7.0  6.4  และ  3.0  ตามลำดับ จากสภาพอากาศร้อนจัดและแห้งแล้ง รวมทั้งปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติมีปริมาณน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูก ประกอบกับบางพื้นที่ประสบปัญหาการระบาดของแมลงศัตรูพืช เป็นผลให้สาขาบริการทางการเกษตรหดตัวลงเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ สภาพอากาศที่แปรปรวน ยังส่งผลให้การทำประมงทะเลลดลง และสถานการณ์ภัยแล้งที่ทำให้ปริมาณการเลี้ยงกุ้งทะเลเพาะเลี้ยงและสัตว์น้ำจืดลดลงด้วย ประกอบกับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ก็ส่งผลต่อกิจกรรมทางการเกษตรและเศรษฐกิจที่หยุดชะงักไปทั่วโลกด้วยเช่นกัน ขณะที่สาขาปศุสัตว์ และสาขาป่าไม้ ขยายตัวร้อยละ 5.5 และ 1.0 ตามลำดับ โดยขยายตัวจากการเพิ่มการผลิตตามความต้องการของตลาดและไทยมีการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรได้เป็นอย่างดี


ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรของทั้งปี 2563 สศก. คาดว่าจะมีทิศทางดีขึ้น แต่ยังคงหดตัวเล็กน้อยอยู่ในช่วงร้อยละ (-2.3) - (-1.3) เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสาขาพืช และสาขาบริการทางการเกษตร หดตัวลงตามการผลิตพืชเศรษฐกิจสำคัญหลายชนิดมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากสภาพอากาศร้อนและภาวะฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้ในหลายพื้นที่ประสบภัยแล้ง บางพื้นที่มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการผลิตทางการเกษตร อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 63 ยังอยู่ในช่วงเพาะปลูกข้าวนาปี คาดว่าปริมาณน้ำฝนจะมีมากขึ้น อาจทำให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับสภาพอากาศกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพาะปลูกสินค้าเกษตร อีกทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้มีการติดตามสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง น้ำท่วม และภัยแล้งในพื้นที่ต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรได้อย่างทันท่วงที  สำหรับสาขาประมงที่ปรับตัวลดลงทั้งประมงทะเล การเพาะเลี้ยงกุ้ง และประมงน้ำจืด เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน ปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอต่อการเลี้ยง ในขณะที่สาขาปศุสัตว์ และสาขาป่าไม้ ยังมีโอกาสขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยสาขาปศุสัตว์ขยายการผลิตตามความต้องการของตลาด


นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการดำเนินนโยบายด้านการเกษตรอย่างต่อเนื่อง ทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการวางแผนการใช้น้ำ การวางแผนการผลิตอย่างเหมาะสม การส่งเสริมการรวมกลุ่ม การทำเกษตรแบบแปลงใหญ่ การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการผลิตและยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตร การบริหารจัดการผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมถึงการส่งเสริมการบริโภคและการใช้สินค้าเกษตรในประเทศ รวมทั้งปัจจัยสำคัญต่างๆ ที่มีผลต่อการคาดการณ์แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2563 ที่ยังคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 อัตราแลกเปลี่ยน ความแปรปรวนของสภาพอากาศ และราคาน้ำมันดิบ แต่เชื่อมั่นว่า นโยบายและมาตรการต่างๆ ที่กระทรวงเกษตรฯ ขับเคลื่อน และด้วยความร่วมมือ บูรณการจากทุกฝ่ายจะสามารถร่วมกันแก้ไขวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ ภาคเกษตรและเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแน่นอน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วช. พาเยาวชนสร้างสรรค์ผลงานประดิษฐ์คิดค้นในคาราวานวิทยาศาสตร์ อพวช. ครั้งที่ 5

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมจัดแสดงนิทรรศการผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ในงาน...