นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์
เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น
รัฐบาลได้มีนโยบายเพื่อรองรับกลุ่มแรงงานและผู้ว่างงาน
ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องกลับคืนสู่ถิ่นฐานบ้านเกิดกว่า
40,000 คน โดยทุกภาคส่วนต่างร่วมกันหามาตรการต่างๆ
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในห้วงเวลาดังกล่าว ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นย้ำถึงการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ
ซึ่งนอกจากจะมีมาตรการจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ 15,000
บาทแล้ว ยังได้มีนโยบายช่วยเหลือกลุ่มแรงงานกลับคืนถิ่นที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงผู้ว่างงานที่สนใจปรับเปลี่ยนอาชีพเข้าสู่ภาคการเกษตร
โดยได้มอบหมาย สศก.
จัดทำโครงการแรงงานคืนถิ่น พลิกฟื้นผืนดิน ด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้โครงการ
“พัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจการเกษตรอาสาประจำศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร”
โดยอบรมและสาธิตการทำการเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการบริหารจัดการสินค้าเกษตรผลผลิตทางการเกษตร
ผ่านเศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.)
พร้อมบูรณาการขับเคลื่อนผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร
(ศพก.) หรือศูนย์ปฏิบัติการอื่นๆ จากภาครัฐ
หรือโดยกลุ่มองค์กรประชาชน
ในการช่วยเหลือแรงงานคืนถิ่นให้สามารถทำการเกษตรเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ นอกจากนี้ ยังมีข่าวดีที่ มติ ครม. เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ได้อนุมัติโครงการฟื้นฟูเยียวยาภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 กรอบวงเงิน 4 แสนล้านบาท ซึ่งโครงการอบรม “แรงงานคืนถิ่น” ในครั้งนี้
สามารถบูรณาการและเชื่อมโยงรวมถึงต่อยอดขยายผลการพัฒนาร่วมกับโครงการต่างๆ
ที่สำคัญภายใต้โครงการฟื้นฟูเยียวยาฯ ในหลายโครงการ อาทิ
โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งกลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่
โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน
โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่
“โคกหนองนาโมเดล” ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการต่างๆ
ที่มีการส่งเสริมและให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิต ทั้งพืช ปศุสัตว์ และประมง
ได้จากหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นๆ
ที่เกี่ยวข้อง
สศก. ได้ถือโอกาสในเดือนกรกฎาคม
เดือนมหามงคลของปวงชนชาวไทย ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28
กรกฎาคม 2563 เปิดตัวโครงการดังกล่าวนำร่องกิจกรรมครั้งแรก ณ ศพก. อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ โดยปราชญ์เกษตรตัวอย่าง คือ
นายเชิดชัย จิณะแสน ศกอ. จ.ศรีสะเกษ
และประธาน ศพก. ระดับประเทศ ซึ่งเป็นผู้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
การทำการเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถพลิกฟื้น ยืนหยัด
พึ่งพาตนเองได้อย่างภาคภูมิใจ รวมทั้งยัง เป็นอาชีพที่มีความยั่งยืน
สามารถก้าวข้ามหรือรอดพ้นได้ทุกสถานการณ์ ทั้งจากวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540
รวมถึงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในครั้งนี้ สศก. มีแผนดำเนินกิจกรรมในทุกภาค
โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 - 12 ร่วมกับ ศกอ.
ในพื้นที่จัดอบรมให้แก่เกษตรกร แรงงานที่ถูกเลิกจ้าง และผู้ว่างงานกว่า 1,000
รายบูรณาการต่อยอดและขยายผลไปสู่การเชื่อมโยงกับการพัฒนาอาชีพจากหน่วยงานต่างๆ
กิจกรรมภายใต้โครงการ
จะเน้นกิจกรรมอบรมและสาธิต
ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพเกษตรอย่างรอบด้าน
ตั้งแต่การปรับพื้นฐานความรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง
การทำการเกษตรที่สามารถเลี้ยงชีพได้ภายใน 7 วัน การปลูกพืชสวนครัว พืชไร่ ไม้ผล
การประมง การจัดการแหล่งน้ำ การปศุสัตว์ การปลูกป่าและไม้เศรษฐกิจ
และที่สำคัญคือองค์ความรู้ด้านเศรษฐกิจการเกษตร
เพื่อให้เกษตรกรสามารถรปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชที่เหมาะสมในพื้นที่และให้ผลตอบแทนสูง
ผ่านแอปพลิเคชั่น ฟาร์ม D การคิดต้นทุนการผลิตด้วยแอปพลิเคชั่นกระดานเศรษฐี
(RCMO) การจัดทำแผนธุรกิจ และการใช้ประโยชน์จากข้อมูล
BIG Data ของศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (NABC)
เพื่อให้ก้าวทันยุคดิจิทัลในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น